วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

cpu multi-core

ข้อมูลและลักษณะทั่วไปของซีพียู Multi-Core

                      แต่ก่อน CPU เป็นลักษณะของชิป(chip) ที่ภายในมีหน่วยประมวลผลอยู่หน่วยเดียวต่อมาความต้องการความสามารถในการประมวลผลมีมากขึ้นก็เริ่มมีการพัฒนาความเร็วของซีพียู (CPU) ให้มากขึ้นไปเรื่อยๆให้พอต่อความต้องการ เมื่อความเร็วนั้นพัฒนาขึ้นมากจนยากที่จะทำต่อไปได้จึงมีการนำ CPU มาใช้เทคนิคให้สามารถประมวลผลได้มากขึ้น เราเรียกว่าไฮเปอร์เทรดดิ้ง(Hyper-Threading) การทำงานแบบไฮเปอร์เทรดดิ้ง ยังมีข้อเสียหลายประการและเทคโนโลยีซีพียู จึงพัฒนามาสู่ยุคของซีพียูแบบหลายหน่วยประมวลผลหรือที่เรียกว่า (core) ซึ่งทำให้การพัฒนาสมรรถนของซีพียูเป็นไปอย่างก้าวกระโดด


 ภาพของซีพียูแบบดูอัลคอร์


ข้อดี

1.  การดีไซน์ซีพียูแบบมัลติคอร์ทำให้แคชของแต่ละคอร์ออกแบบมาให้แคบอยู่ใกล้กันกับซีพียูทำให้สัญญาณที่สิ่งระหว่างแคชไปที่ซีพียูนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว
2.  ในแต่ละที่ประกอบไปด้วยซีพียูและแคชนั้นอยู่ใกล้กันมากดังนั้นจึงมีการเพิ่มเทคโนโลยีที่ชื่อว่า  Cache coherency ซึ่งเป็นการทำให้ข้อมูลในแต่ละแคชนั้นเข้าถึงกันได้ สามารถแบ่งงานกันโหลดได้ระหว่างหน่วยประมวลผล
3.  เนื่องจากมัลติคอร์ใช้พื้นที่ของแผงวงจรน้อยกว่า  ทำให้มีสมรรถนะสูงกว่า ขณะที่อัตราการใช้พลังงานยังคงอยู่ในระดับเดียวกันเมื่อเทียบกับซีพียูแบบเดิม  นอกจากนั้น ระบบจัดการความร้อนที่เล็กลงทำให้ใช้ไฟน้อยลงด้วย  จึงช่วยประหยัดพลังงาน แต่ความร้อนกลับน้อยลง เพราะมัลติคอร์ ไม่ได้ใช้งานทุกคอร์ตลอดเวลา
4.  ราคาลดต่ำลงมาเรื่อยๆ  จนในตอนนี้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลใหม่ๆก็เริ่มทยอยกันใช้ซีพียูแบบดูอัลคอร์กันหมดแล้ว            ภายใน Chip CPU  นั้นมีหน่วยประมวลผลย่อย  ที่เราเรียกว่าคอร์มากกว่า  แต่ละคอร์มีหน่วยความจำหลักเป็นของตัวเอง  เรียกว่าแคชระดับที่1 หรือ  L1(Cache L1)แต่ละแกนอาจจะมีการใช้หน่วยความจำร่วมกันเรียกว่าแคช L2   การเข้าถึงข้อมูลที่อยู่ภายในแคช L1  นั้นสามารถทำได้รวดเร็วกว่าการเข้าถึง แคช L2  หรือการเข้าถึงข้อมูลจากหน่วยความจำหลัก  แต่การออกแบบโครงสร้างซีพียูนั้น  จะต้องมีส่วนที่ทำงานร่วมกันได้ด้วย  เพื่อที่จะทำให้สามารถประมวลผลร่วมกันได้ซึ่งส่วนที่จะทำงานร่วมกันก็คือแคช L2 นั่นเอง
รูปที่ 6  ภาพแสดงโครงสร้างของ  Cache coherency
(http://en.wikipedia.org/wiki/Multi-core, 2007)

ความแตกต่าง


Dualcore กับ core2duo คือ cpu dualcore ที่คล้ายๆกัน จะต่างกันก็เรื่องการผลิตและเทคโนโลยีภายในcpu รวมไปถึงbus cpu , cache memory,การใฃ้พลังงานของcpu และอื่นๆ quad core ก็คือcpuที่มี4coreใน1ตัว ซึ่งได้เปรียบไนแง่การประมวลผลแบบmultitask รวมทั้งcachememoryที่มากกว่า ทำให้สามารถประมวลผลได้รวดเร็วและได้จำนวนมากๆในเวลาอันสั้น

วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วิวัฒนาการของ CPU ของ Intel

      วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์            

นับตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปมากทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์และทางด้านซอฟต์แวร์ เพื่อให้ทันสมัยและรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ สำหรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านฮาร์ดแวร์นั้นได้มีวิวัฒนาการหรือการเปลี่ยนแปลงดังนี้   
             
            
ปี ค.ศ. 1981      ได้ผลิตเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์รุ่นไอบีเอ็มพีซีขึ้น โดยบริษัทอินเทล ในรุ่นนี้ใช้ CPU เบอร์ 8088 ซึ่งถือว่าเป็นต้นกำเนิดของเครื่องพีซีนปัจจุบัน

 
ปี ค.ศ. 1982        ได้พัฒนาเป็นรุ่นไอบีเอ็มพีซีเอ็กซ์ที (IBM PC/XT) มีการออกแบบวงจร
  ภายในใหม่ ให้มีขนาดเล็ก     ลงและ     ทำ งานรวดเร็วขึ้น แต่ยังคงใช้ CPU เบอร์ 8088ของอินเท ล           เครื่องรุ่นนี้สามารถติดตั้งฮาร์ดดิสก์ได้มีการเปลี่ยนไปจากเดิม คื อ      8 เซกเตอร์ต่อแทรก เป็น 9 เซกเตอร์ต่อ     แท รกทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้นเป็น 360 กิโลไบต์

ปี ค.ศ. 1985      ได้พัฒนาเป็นรุ่นไอบีเอ็มพีซีเอที (IBM PC/AT) ในรุ่นนี้ได้เปลี่ยนไปใช้ CPU เบอร์ 80286 ซึ่งเป็นตัวใหม่ของบริษัทอินเทลในการเก็บข้อมูลก็มีการเพิ่มฮาร์ดดิสก์  ให้มีความจุเพิ่มขึ้นเป็น 20 เมกะไบต์ ฟลอปปี้ดิสก์ก็สามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 1.2 เมกะไบต์ ทำให้มีประสิทธิภาพสูงและทำงานเร็วกว่ารุ่นไอบีเอ็มเอ็กซ์ที

ปี ค.ศ. 1987       บริษัทไอบีเอ็มได้สร้างคอมพิวเตอร์รุ่น PS/2 ขึ้นมา ในรุ่นนี้ฮาร์ดดิสก์จะมีความจุมากขึ้น ฟลอปปี้ดิสก์ก็เพิ่มความจุจากเดิม 720 กิโลไบต์ เป็น 1.44 เมกะไบต์ และ  เปลี่ยนเป็นแผ่นดิสก์ขนาด 3.5 นิ้ว

ปีต่อมา                ได้พัฒนาเป็นเครื่องมือที่ใช้ไมโครโพรเซสเซอร์เบอร์ 80386 ของอินเทล ซึ่งมีขนาด 32 บิต และมีประสิทธิภาพสูงกว่าเครื่องเอทีมาก แต่ก็มีปัญหาหนึ่งของเครื่อง  386 คือระบบปฏิบัติการและแอพพลิเคชั่นที่ผ่านมาถูกพัฒนาขึ้นมาบนเครื่องพีซีธรรมดาเท่านั้น โปรแกรมเหล่านั้นจึงไม่สามารถใช้ความสามารถของ ซีพียู80386  ไดร์ เต็มที่นักจะมีก็แต่ความเร็วที่สูงขึ้นเท่านั้น

ปัจจุบัน                 บริษัท อินเทล ได้พัฒนาเครื่องพีซี 586 (Pentium) ขึ้นมา เพื่อการใช้งานกับแอพพลิเคชั่นบนวินโดวส์โดยเฉพาะและรองรับความเร็วของซีพียูได้ สำหรับในปัจจุบัน รุ่นนี้เป็นรุ่นที่กำลังได้รับความนิยมในการทำงานค่อนข้างสูง
                     
                         
           


แหล่งอ้างอิง hunsa.com ,www.overclockzone.com

รหัส ASCLL

PRAPASSORN SOMSAK

ใช้พื้นที่ 17 ไบต์ จัดเก็บและประกอบด้วย รหัส ASCLL

P 0100 0001  =    41H
R 0101 0010  =  52H
A 0100 0001  =  41H
P 0100 0001  =  41H
A 0100 0001  =  41H
S 0101 0011  =  53H
S 0101 0011  =  53H
O 0100 1111  = 4FH
R 0101 0010  =    52H
N 0100 1110  =    4EH
space (ช่องว่าง)  = 0010 0000=20H
S 0101 0011  =53H 
O 0100 1111 =4FH
M 0100 1101 =4DH
S 0101 0011 =53H
A 0100 0001 =41H
K 0100 1011 =4BH

Moore’s Law

Moore’s Law

กฎของมัวร์ (Moore’s law) อธิบายโดย กอร์ดอน มัวร์ (Gordon Moore) อดีตซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทอินเทลกล่าวถึง ปริมาณของทรานซิสเตอร์บนวงจรรวม จะเพิ่มเป็นเท่าตัวทุกสองปี
 
        เรามาดูกฎของมัวร์ หรือ   Moore’s Law  กันน่ะค่ะว่ามันคืออะไร  คือกฏที่อธิบายแนวโน้มของการพัฒนาฮาร์ดแวร์ของคอมฯในระยะยาว โดยมีความว่า จํานวนทรานซิสเตอร์ที่สามารถบรรจุลงในชิพจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ในทุกๆสองปีค่ะ ซึ่งกฎนี้ได้ถูกตั้งชื่อตาม Gordon E. Moore ผู้ก่อตั้ Intel ซึ้งเขาได้อธิบายแนวโน้มนี่ไว้ในรายงานของเขาในปี 1 1965 และเมื่อเวลาผ่านไปจึงพบว่ากฎนี่นั่นแม่นยําอย่างประหลาด อาจเกิดเนื่องจาก อุตสาหกรรมsemiconductor ได้นํากฎนี่ไปเป็นเป้าหมายในการวางแผนพัฒนาอุตสาหกรรมของตนก็เป็นได้ค่ะ


กฎของมัวร์จะเป็นไปได้หรือ?


จากความก้าวหน้าของการพัฒนาสารกึ่งตัวนำที่รวดเร็ว พัฒนาทางด้านคอมพิวเตอร์จะไม่ถึงขีดจำกัดบ้างหรือ คำถามนี้เป็นคำถาม ที่หลายคนตั้ง



อย่างไรก็ดี หากพิจารณาถึงความเป็นจริง ทุกสิ่งทุกอย่างไม่อยู่กับที่ กฎของมัวร์ก็เช่นกัน คงไม่ใช่เป็นกฎแบบอยู่กับที่ กฎของมัวร์ก็เช่นกัน คงไม่ใช่เป็นกฎแบบอยู่กับที่ แต่จะเปลี่ยนแปลงกับสภาพกาลเวลาด้วย
แต่ด้วยความสามารถของมนุษย์ในการคิดค้นต่าง ๆ จึงเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเครือข่ายยังมีหนทางที่พัฒนาไปได้อีกมาก
มนุษย์กับไซเบอร์สเปซ และคนกับหุ่นยนต์ ที่อยู่ร่วมกันจะได้เห็นอย่างแน่นอนค่ะ






เอกสารอ้างอิง:www.wegethosting.com

ซัมซุงเปิดตัว"เน็ตบุ๊ค"พลังแสงอาทิตย์

รายงานข่าวล่าสุด ซัมซุง (Samsung) ยืนยันว่า ทางบริษัทจะเปิดตัวเน็ตบุ๊คพลังงานแสงอาทิตย์ในสหรัฐ พร้อมๆ กับในแอฟฟริกา และรัสเซีย โดย Samsung NC215S จะวางตลาดในวันที่ 3 กรกฎาคม ศกนี้ค่ะ


Samsung NC215S เน็ต บุ๊คพลังงานแสงอาทิตย์ที่มาพร้อมกับหน้าจอเคลือบด้านขนาด 10.1 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 600 พิกเซล หน่วยความจำระบบ 4GB และซีพียูดูอัลคอร์ Intel Atom N570 ความเร็ว 1.66GHz โดยนอกจากสเป็กเครื่องที่น่าสนใจแล้ว มันยังมีคุณสมบัติใหม่ที่ทำให้ Samsung NC215S แตกต่างจากเน็ตบุ๊คทั่วไปนั่นคือ มันมีแผงโซลาร์เซลที่ฝังมาในฝาเครื่องค่ะ




Samsung กล่าว ว่า หากเราชาร์จแบตฯโน้ตบุ๊ครุ่นนี้ผ่านทางแผงโซลาร์เซลล์เป็นเวลา 2 ชั่วโมง เราจะสามารถใช้งานโน้ตบุ๊คได้นานหนึ่งชั่วโมง ในขณะที่ทางบริษัทอ้างว่า หากชาร์จแบตฯเต็ม Samsung NC215S จะสามารถใช้งานเครื่องได้นานถึง 14 ชั่วโมง (ภายใต้เงื่อนไขการใช้แบบประหยัดไฟสุดๆ) เลยทีเดียว ว้าว!!! น่าสนใจทีเดียวเลยน่ะค่ะ

แหล่งอ้างอิง:Samsung,www.tvwaimun.com